กว่าจะมาเป็น สมุนไพรจีน สารพัดประโยชน์ มากสรรพคุณ

0
1779

สมุนไพรจีน เป็นที่ยอมรับกันมานานมากในเรื่องคุณสมบัติที่ดีในการใช้รักษาโรค รวมถึงคุณภาพของสมุนไพรจีนก็ยังได้รับการเชื่อถือและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่นิยมรักษาโรคด้วยสมุนไพรจากทั่วโลก

สมุนไพรจีน

ประเทศจีนได้จัดแบ่งกลุ่มการผลิตสมุนไพรในแต่ละเขตเมือง จะมีสมุนไพรขึ้นชื่อและมีคุณภาพแตกต่างกัน คือการปลูกสมุนไพรจีนเฉพาะสายพันธุ์ในเฉพาะท้องถิ่น ซึ่งจะให้คุณภาพและให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด อันคุณภาพของแหล่งผติลและสรรพคุณของยาเป็นที่ยอมรับว่ารักษาได้ผลดีกว่าสมุนไพรชนิดเดียวกันที่ได้มาจากแหล่งผลิตอื่นๆ เช่น ชิงเฮาเป็นสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณรักษาโรคมาเลเรีย มีสารออกฤทธิ์คือ ชิงเฮาซู่ จากการศึกษาพบว่า ชิงเฮาที่มาจากภาคใต้ของจีนจะมีปริมารสารออกฤทธิ์สูง

นอกจากนี้การจัดเก็บเกี่ยวพืชที่จะนำมาทำสมุนไพรก็ไม่ใช่นึกจะเก็บเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม จะทำให้ได้สมุนไพรที่มีคุณภาพดีสูง ปริมาณของสารออกฤทธิ์มากที่สุดและดีที่สุด วิธีการเก็บมีดังนี้

  • สมุนไพรจีนที่ใช้รากหรือเหง้ามาทำเป็นยา มักเก็บในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่พืชเติบโตช้า สารอาหารต่างๆส่วนใหญ่จะเก็บสะสมอยู่ในรากและเหง้า
  • สมุนไพรจีนที่ใช้ลำต้นมาทำเป็นยา มักเก็บในฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาวในช่วงที่พืชโตเต็มที่
  • สมุนไพรจีนที่ใช้เปลือกมาทำเป็นยา หากเป็นเปลือกจากรากควรเก็บในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูหนาว หากเป็นเปลือกจากลำต้นควรเก็บในฤดูร้อนเพราะสามารถลอกเปลือกออกมาได้ง่าย
  • สมุนไพรจีนที่ใช้ใบมาทำเป็นยา มักเก็บในช่วงดอกใกล้บานถึงช่วงเริ่มติดผล เป็นช่วงที่พืชเติบโตเต็มที่และใบจะสังเคราะห์แสงได้เต็มทีเช่นกัน เนื้อใบมีสารอาหารมากที่สุด
  • สมุนไพรจีนที่ใช้ดอกมาทำเป็นยา มักเก็บขณะที่ดอกยังตูมหรือเริ่มบาน หากรอให้ดอกบานจะทำให้กลิ่นและรสชาติอ่อนลง ปริมาณสารออกฤทธิ์ก็จะลดลง
  • สมุนไพรจีนที่ใช้ผลและเมล็ดมาทำเป็นยา มักเก็บเกี่ยวในขณะที่ผลแก่เต็มที่หรือใกล้สุก ซึ่งเป็นช่วงที่สารอาหารสมบูรณ์หรือมีสารสำคัญสูงสุด เป็นต้น
  • สมุนไพรจีนที่ใช้ทั้งต้นมาทำเป็นยา มักเก็บในช่วงที่พืชเจริญเติบโตเต็มที่ก่อนออกดอกหรือช่วงที่กำลังออกดอก แตกกิ่งก้านและใบมากๆ
  • สมุนไพรจีนที่ใช้ยางมาทำเป็นยา ซึ่งจะมีเวลาเก็บที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของสมุนไพร

เมื่อเราได้สมุนไพรที่มีคุณภาพแล้ว วิธีการนำมาใช้รักษาโรคก็เป็นสิ่งที่แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อให้ได้ประสิทธิผลในการรักษาโรคมากที่สุด เริ่มจาการเตรียมการต้มยาก่อนคะ ภาชนะที่ใช้ต้มยานิยมใช้จำพวกเครื่องปั้นดินเผามีฝาปิดเป็นการป้องกันการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างยากับภาชนะที่ใช้ต้ม น้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ และระดับไฟที่ใช้ต้มก็มักใช้ไฟแรงก่อนแล้วจึงอ่อนไฟลงคะ แล้วตามมาด้วยวิธีการต้มสมุนไพรจีน ก็ค่อนข้างมีขั้นมีตอนคะ เช่น หากมีตัวยาที่มีพิษให้ต้มก่อนตัวยาอื่นๆ 30-45 นาที เพื่อเจือจางความเป็นพิษให้อ่อนลง หากสมุนไพรมีลักษณะแข็ง เช่น เปลือกหอย จำเป็นต้องต้มให้เดือดอย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้สารออกฤทธิ์ละลายออกมาแล้วจึงใส่สมุนไพรตัวอื่นๆตามลงไป หากเป็นสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหยก็ควรใส่ที่หลังเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันระเหยไปหมด และหากเป็นสมุนไพรที่มีราคาสูง อย่าง โสม ควรแยกต้มและต้มนาน 2-3 ชั่วโมงเพื่อสกัดเอาตัวยาออกมาให้มากที่สุด เป็นต้น

เราคงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะว่าทำไม สมุนไพรจีน จึงเป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก การดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยวตลอดจนวิธีการปรุงยา ทำให้สมุนไพรจีนออกฤทธิ์ได้อย่างดีและสามารถรักษาโรคต่างๆได้ผล โด่งดังไปทั่วโลก แต่อย่างไรก็หากไม่แน่ใจในสรรพคุณ การใช้สมุนไพรจีนก็ควรปรึกษาแพทย์แผนจีนจะดีที่สุด

แนะนำ หากสนใจสมุนไพรไทยสำหรับการอบตัวหรือต้มอาบ ร้านอบไทย จำหน่ายสินค้าประเภทกระโจมอบตัวและสมุนไพรสูตรต่างๆ สำหรับการอยู่ไฟหลังคลอด บำรุงผิวพรรณ วัยทอง และสูตรอื่นๆ

ข้อมูลอ้างอิง
ตำรับยาจีนที่ใช้บ่อยในประเทศไทย เล่ม 1 : tcm.dtam.moph.go.th
การรักษาด้วยยาและสมุนไพรจีน : tcm.dtam.moph.go.th

Previous articleดุลยภาพบำบัด รักษาโรคโดยใช้หลักสมดุลทางธรรมชาติ
Next articleโรคพาร์กินสัน โรคสั่นที่โบราณเรียกสันนิบาติลูกนก