5 สัญญาณเตือนค่าตับผิดปกติที่วัยทำงานต้องรู้

0
4

ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขัน คนวัยทำงานอย่างเรา ๆ อาจละเลยการดูแลสุขภาพของตัวเองไปบ้าง จนบางครั้งก็ปล่อยให้ร่างกายส่งสัญญาณเตือนออกมาแล้วก็ยังมองข้ามไป หนึ่งในอวัยวะสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ “ตับ” เพราะตับมีหน้าที่สำคัญในการกำจัดสารพิษ สร้างโปรตีน และเก็บสะสมพลังงาน หากค่าตับผิดปกติ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมได้ มาดูกันว่า 5 สัญญาณเตือนที่บอกว่าตับกำลังมีปัญหา มีอะไรบ้าง

ค่าตับผิดปกติ

 

  1. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไร้เรี่ยวแรง

อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณแรก ๆ ที่บ่งบอกว่าค่าตับผิดปกติ หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม เมื่อตับไม่สามารถกำจัดสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารพิษเหล่านี้ก็จะตกค้างอยู่ในกระแสเลือด ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้ง่าย แม้ว่าจะพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม

  1. ระบบย่อยอาหารมีปัญหา ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ หรือคลื่นไส้

ตับมีบทบาทสำคัญในการผลิตน้ำดี ซึ่งช่วยในการย่อยไขมัน หากค่าตับผิดปกติ การผลิตน้ำดีก็จะลดลง ทำให้เกิดปัญหาในการย่อยอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ หรือคลื่นไส้ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง

  1. ปัสสาวะสีเข้มขึ้น หรืออุจจาระสีซีดลง

สีของปัสสาวะและอุจจาระสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของตับได้ หากปัสสาวะมีสีเข้มขึ้นคล้ายสีน้ำชา หรืออุจจาระมีสีซีดลงคล้ายสีดิน อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือท่อน้ำดี เนื่องจากบิลิรูบิน (สารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง) ถูกขับออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระน้อยลง

  1. ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือผิวหนังมีรอยช้ำ

อาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรือผิวหนังมีรอยช้ำ เกิดจากภาวะที่เรียกว่า “ดีซ่าน” ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับบิลิรูบินสูงเกินไป บิลิรูบินเป็นสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง ตับมีหน้าที่กำจัดบิลิรูบินออกจากร่างกาย แต่หากค่าตับผิดปกติ ก็จะทำให้บิลิรูบินสะสมในร่างกายมากขึ้น จนเกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลือง และผิวหนังมีรอยช้ำได้ง่าย

  1. น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีอาการบวมที่ขาและข้อเท้า

เมื่อค่าตับผิดปกติ อาจส่งผลต่อการผลิตโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น อัลบูมิน ซึ่งมีหน้าที่รักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย หากระดับอัลบูมินลดลง อาจทำให้เกิดอาการบวมที่ขาและข้อเท้าได้ นอกจากนี้ อาการน้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าตับกำลังมีปัญหา

ดูแลตับอย่างไร?

  1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารแปรรูป และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยลดไขมันในตับและส่งเสริมการทำงานของตับให้ดีขึ้น
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ตับได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น การใช้ยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อตับ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ตรวจพบปัญหาเกี่ยวกับตับได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที

การใส่ใจสุขภาพตับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนวัยทำงาน การสังเกตค่าตับผิดปกติ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีต่อสุขภาพ จะช่วยให้ตับของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่กับเราไปนาน ๆ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพตับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจวินิจฉัยที่เหมาะสมต่อไป

Previous article5 ข้อต้องพิจารณาเพื่อตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ไหนดี
Next articleตู้โหลดเซ็นเตอร์ 3 เฟส แบรนด์ Schneider ใช้งานได้ดีแค่ไหน ?