ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขัน คนวัยทำงานอย่างเรา ๆ อาจละเลยการดูแลสุขภาพของตัวเองไปบ้าง จนบางครั้งก็ปล่อยให้ร่างกายส่งสัญญาณเตือนออกมาแล้วก็ยังมองข้ามไป หนึ่งในอวัยวะสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ “ตับ” เพราะตับมีหน้าที่สำคัญในการกำจัดสารพิษ สร้างโปรตีน และเก็บสะสมพลังงาน หากค่าตับผิดปกติ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมได้ มาดูกันว่า 5 สัญญาณเตือนที่บอกว่าตับกำลังมีปัญหา มีอะไรบ้าง
-
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไร้เรี่ยวแรง
อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณแรก ๆ ที่บ่งบอกว่าค่าตับผิดปกติ หรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม เมื่อตับไม่สามารถกำจัดสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารพิษเหล่านี้ก็จะตกค้างอยู่ในกระแสเลือด ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้ง่าย แม้ว่าจะพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม
-
ระบบย่อยอาหารมีปัญหา ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ หรือคลื่นไส้
ตับมีบทบาทสำคัญในการผลิตน้ำดี ซึ่งช่วยในการย่อยไขมัน หากค่าตับผิดปกติ การผลิตน้ำดีก็จะลดลง ทำให้เกิดปัญหาในการย่อยอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ หรือคลื่นไส้ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
-
ปัสสาวะสีเข้มขึ้น หรืออุจจาระสีซีดลง
สีของปัสสาวะและอุจจาระสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของตับได้ หากปัสสาวะมีสีเข้มขึ้นคล้ายสีน้ำชา หรืออุจจาระมีสีซีดลงคล้ายสีดิน อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือท่อน้ำดี เนื่องจากบิลิรูบิน (สารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง) ถูกขับออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระน้อยลง
-
ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือผิวหนังมีรอยช้ำ
อาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรือผิวหนังมีรอยช้ำ เกิดจากภาวะที่เรียกว่า “ดีซ่าน” ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับบิลิรูบินสูงเกินไป บิลิรูบินเป็นสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง ตับมีหน้าที่กำจัดบิลิรูบินออกจากร่างกาย แต่หากค่าตับผิดปกติ ก็จะทำให้บิลิรูบินสะสมในร่างกายมากขึ้น จนเกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลือง และผิวหนังมีรอยช้ำได้ง่าย
-
น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีอาการบวมที่ขาและข้อเท้า
เมื่อค่าตับผิดปกติ อาจส่งผลต่อการผลิตโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น อัลบูมิน ซึ่งมีหน้าที่รักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย หากระดับอัลบูมินลดลง อาจทำให้เกิดอาการบวมที่ขาและข้อเท้าได้ นอกจากนี้ อาการน้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าตับกำลังมีปัญหา
ดูแลตับอย่างไร?
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารแปรรูป และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยลดไขมันในตับและส่งเสริมการทำงานของตับให้ดีขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ตับได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น การใช้ยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อตับ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ตรวจพบปัญหาเกี่ยวกับตับได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
การใส่ใจสุขภาพตับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนวัยทำงาน การสังเกตค่าตับผิดปกติ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีต่อสุขภาพ จะช่วยให้ตับของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่กับเราไปนาน ๆ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพตับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจวินิจฉัยที่เหมาะสมต่อไป